การรีดผ้า มีทั้งการรีดผ้าจำนวนมาก เช่น ตามร้านซักรีด โรงแรม โรงงาน ร้านอาหาร และ การรีดผ้าตามบ้าน ซึ่งสมัยนี้ทั้งสองแบบก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เนื่องจากมี “เทคโนโลยีการรีดผ้าด้วยไอน้ำ” เข้ามาช่วยทุ่นแรง
การรีดผ้าจำนวนมาก มักใช้เครื่องรีดขนาดใหญ่อบพ่นไอน้ำใส่ผ้า ซึ่งผู้รีดจำเป็นจะต้องได้รับการอบรมและฝึกฝนวิธีรีดโดยเฉพาะขึ้นกับเครื่องมือที่ใช้
ส่วนการรีดผ้าตามบ้าน ปัจจุบันก็มีเครื่องรีดผ้า ซึ่งช่วยให้การรีดผ้าทำได้แสนง่าย เพียงแขวนผ้าที่จะรีดในเครื่อง กดปุ่มเดียว ก็รีดได้ถึง 12 ชิ้น จัดเก็บพร้อมใช้งานเรียบร้อยภายใน 3 นาที ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาเพิ่มจากการรีดผ้าแบบเดิม ๆ ที่มีทั้งแบบใช้เตารีดไอน้ำ และแบบใช้เตารีดความร้อนธรรมดาที่เรียกว่า “การรีดแห้ง” การรีดผ้าแบบใช้ไอน้ำจะใช้เครื่องพ่นไอน้ำที่ร้อนจัดทำให้ผ้าเรียบ เหมาะกับผ้าบางที่ต้องการการดูแลรักษามากกว่าปกติ เตารีดไอน้ำจะน้ำหนักเบารีดง่ายไม่เปลืองแรงและช่วยถนอมผ้าได้มากกว่าแบบรีดแห้ง
หากแม่บ้านเลือกใช้การรีดผ้าแบบแห้งควรปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า ถ้าเป็นการรีดผ้าขนสัตว์ ผ้าไหม ผ้าสักหลาด ไหมพรม ก็ควรใช้ผ้ามัสลินหรือผ้าสาลูปิดทับก่อน เป็นการรองรีดเพื่อป้องกันเนื้อผ้าไม่ให้เป็นรอยไหม้ หรือขึ้นคราบเงามันตามแนวตะเข็บจากความร้อนของเตารีดได้ แต่หากเป็นการรีดแบบพ่นไอน้ำก็ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้ารองรีด
ปัจจุบันการรีดผ้ากินเวลางานของคุณแม่บ้านน้อยลงมาก เพราะ เทคโนโลยีและความนิยมผ้าที่ไม่จำเป็นต้องรีด เช่นผ้ายืด ผ้าใยสังเคราะห์ ชุดชั้นใน ผ้าเช็ดตัว รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า สรุปขั้นตอนการรีดผ้า ก็ง่าย ๆ คือ เสียบปลั๊ก จัดผ้า ให้ความร้อนพร้อมความชื้นกับตัวผ้า
แถมเคล็ดลับให้แม่บ้านอีกนิด คือ
“ในช่วงของการรีดผ้าควรซ่อมแซมเสื้อผ้าทันทีที่พบว่าชำรุดก่อนจะนำไปแขวนเก็บเพื่อพร้อมใช้“